มังคุด ราชินีแห่งผลไม้ เมืองไทย
มังคุดเป็นไม้ผลยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่
มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินโดนีเชียและคาบสมุทรมาลายู
ในประเทศไทยไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่ามีการนำมังคุดเข้ามาปลูกตั้งแต่เมื่อใด
มังคุดเป็นผลไม้เศรษฐกิจของไทย
เพราะเกษตรกรมีศักยภาพในการผลิตเพื่อการส่งออกสูง มังคุดมีรนชาติอร่อย
กลิ่นหอมชวนรับประทานทำให้เป็นที่ชื่นชอบของชาวไทยและชาวต่างชาติ ประกอบกับมังคุดเป็นพืชที่ปลูกง่าย
เติบโตได้ดีในประเทศไทย ไม่มีแมลงศัตรูที่ร้ายแรงมาก จึงทำให้ในปัจจุบันมีการปลูกมังคุดเป็นการค้ามากขึ้น
เนื่องจากตลาดทั้งในไทยและต่างประเทศยังมีความต้องการสูง
แหล่งปลูกมังคุดในประเทศไทยจะอยู่ในจังหวัดต่างๆทางภาคใต้และภาคตะวันออกเป็นส่วนใหญ่
พันธุ์มังคุดและการขยายพันธุ์
แม้ว่ามังคุดจะเป็นพืชที่ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ดก็ตาม
แต่เมล็ดมังคุดไม่ได้เกิดจากการผสมระหว่างเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมีย
จึงทำให้มังคุดไม่มีโอกาสกลายพันธุ์เลย
ดังนั้นมังคุดที่ปลูกในประเทศไทยจึงมีอยู่พันธุ์เดียว คือ พันธุ์พื้นเมือง
การขยายพันธุ์โดยทั่วไปนิยมใช้การเพาะเมล็ดและการเสียบยอด
การเพาะเมล็ด เป็นวิธีได้ผลดีและนิยมทำกัน เพราะทำได้สะดวก รวดเร็ว
แต่ต้องใช้เวลา 5-6 ปี จึงจะเริ่มให้ผลผลิต มีขั้นตอนดังนี้
-เมล็ดมังคุดที่นำมาเพาะควรเลือกเมล็ดที่ขนาดโตที่สุดจากผลที่มีขนาดใหญ่มาเพาะ
ต้องเป็นผลที่แก่จัดและยังสดอยู่ด้วย
-หลังจากผ่าเอาเมล็ดออกมาแล้วต้องล้างเส้นใยหรือเนื้อและเมือกออกจากเมล็ดให้หมดด้วยน้ำสะอาด
แล้วรีบนำไปเพาะให้เร็ว
-สามารถเพาะลงในถุงพลาสติก กระบะเพาะชำ หรือแปลงเพาะชำก็ได้
วัสดุเพาะใช้ขี้เถ้าแกลบผสมทรายหรือดินร่วนผสมทรายก็ได้
-วางเมล็ดในวัสดุเพาะให้เรียงเป็นแถวห่างกันประมาณ 10 เซนติเมตร
ฝังเมล็ดลึกประมาณ 1 เซนติเมตร นำไปไว้ในร่มเงา
-หลังจากรดน้ำอย่างสม่ำเสมอประมาณ 14-21 วัน
ต้นมังคุดจะเริ่มงอกขึ้นมา
-หลังจากต้นกล้าเติบโตจนมีใบอ่อน 1 คู่แล้ว
จึงทำการย้ายต้นหล้าที่สมบูรณ์ไปปลูกในถุงเพาะชำ แล้วนำไปไว้ในที่พรางแสง
-รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ ใส่ปุ๋ย จนเมื่อต้นกล้าอายุ 1 ปี
ควรเปลี่ยนถุงเพาะชำให้ใหญ่ขึ้น
-เมื่อต้นมังคุดมีอายุครบ 2 ปี มียอด 1-2 ฉัตร
ก็พร้อมที่จะนำไปปลูกในแปลงปลูกได้
การเสียบยอด ข้อดี คือ ให้ผลผลิตเร็ว ทรงพุ่มเตี้ย
ทำให้ดูแลง่ายสะดวกในการเก็บเกี่ยว มีขั้นตอนดังนี้
-ต้นตอควรมีอายุประมาณ 2 ปี มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-1.5 เซนติเมตร
สูง 30-35 เซนติเมตร โดยเลือกต้นที่สมบูรณ์แข็งแรง
-ยอดพันธุ์ดีควรเป็นยอดจากกิ่งที่ชี้ตั้งขึ้น
หรือยอดจากปลายกิ่งที่แตกจากลำต้นโดยตรง ต้องเป็นยอดที่ขนาดใกล้เคียงกับต้นตอ
-ตัดต้นตอให้สูงจากดินปลูก 20-25 เซนติเมตร โดยตัดให้อยู่เหนือข้อใบประมาณ
1-2 เซนติเมตร แล้วใช้มีดผ่ากลางต้นตอให้ลึกเลยข้อแรกไป 1-2 เซนติเมตร
-ตัดยอดกิ่งพันธุ์ดีให้เหลือใบไว้ 2 ชั้น นับจากยอด ตัดใบออกครึ่งใบ
เฉือนโคนกิ่งพันธุ์ดีให้เป็นรูปลิ่มให้แผลยาวเท่ากับแผลต้นตอ
-นำยอดพันธุ์ดีเสียบลงไปในแผลต้นตอ จัดให้แนวเยื่อเจริญตรงกัน
พันด้วยพลาสติกจากล่างขึ้นบน
-ใช้ไม้ปักผูกติดกับต้นตอ เพื่อป้องกันลม
นำต้นมังคุดไปเลี้ยงไว้ในร่มหรือเรือนเพาะชำ
-หลังจากเสียบยอดประมาณ 20 วัน ถ้ายอดพันธุ์ยังเขียวสดอยู่
แสดงว่าการเสียบยอดได้ผล ให้ดูแลต่อไปอีก 40 วัน เปิดถึงพลาสติกออก นำไปเลี้ยงไว้ในร่ม
จนกว่าต้นจะแข็งแรงดี จึงนำออกไปปลูกในแปลง
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม มังคุดสามารถเจริญเติบโตได้ในดินเกือบทุกชนิด
แต่ดินที่เหมาะสมคือ ดินเหนียวปนทราย และดินร่วนปนทรายที่มีความอุดมสมบูรณ์
พื้นที่ที่เหมาะสมต่อการปลูกมังคุดควรมีสภาพอากาศแบบร้อนชื้น
ระดับอุณหภูมิต้องสม่ำเสมอกันตลอดทั้งปี 25-35 องศาเซลเซียส มีระดับความชื้นสัมพัทธ์ประมาณ
70-80 เปอร์เซ็นต์
วิธีการปลูก นำต้นพันธุ์อายุ 2-3 ปี ควรเลือกต้นที่มีขนาดใหญ่ แข็งแรง
ไม่มีโรค สูงไม่ต่ำ 30 เซนติเมตร ช่วงเวลาการปลูกมังคุดที่เหมาะสมคือ ช่วงต้นฤดูฝน
การให้น้ำ มังคุดเป็นไม้ผลที่ชอบน้ำและความชุ่มชื้นค่อนข้างสูง
แต่ไม่ชอบน้ำขัง ในช่วงฤดูแล้งหากต้นมังคุดขาดน้ำเพียง 2-3 วัน จะแสดงอาการเหนี่ยว
ส่วนในช่วงฤดูฝนจะต้องมีระบบระบายน้ำที่ท่วมขังบริเวณโคนต้นออกด้วย
การใส่ปุ๋ย ควรใส่ปุ๋ยมังคุดหลังจากทำการตัดแต่งกิ่งแล้ว หากจะให้ผลดี
ต้องแบ่งใส่ตามระยะการเจริญเติบโตด้วย
โรคและแมลงศัตรู แม้ว่ามังคุดจะมีโรคและแมลงรบกวนไม่มาก
แต่เกษตรกรก็ยังต้องทำการควบคุมและป้องกันโรคและแมลงไว้เสมอ
ถ้าหากโรคและแมลงเข้าทำลายจะส่งผลต่อความสมบูรณ์ของต้นและให้ผลผลิตน้อยลง
ดังนั้นควรใส่ใจดูแลป้องกันโรคและแมลงอยู่เสมอ การเก็บเกี่ยวผล มังคุดจะเริ่มออกดอกหลังจากปลูกมาประมาณ 6 ปี
หลังจากติดผลประมาณ 11-12 สัปดาห์ ก็จะเริ่มทยอยเก็บเกี่ยวผลได้
โดยดูการเปลี่ยนแปลงของสีเปลือกเป็นหลัก
สามารถเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่ระยะที่สีผิวเปลือกผลเกิดจุดแต้มหรือประสีม่วงแดงขึ้นเพียงเล็กน้อย วิธีการเก็บเกี่ยว ต้องทำอย่างระมัดระวัง
อย่าให้มังคุดตกกระแทกพื้นหรือช้ำ เพราะจะทำให้ผลเปลือกแตกร้าว เนื้อภายในช้ำ
ทำให้อายุการจำหน่ายสั้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น