มัลเบอร์รี่ผลไม้ที่แผงไปด้วยประโยชน์
มัลเบอร์รี่(Mulberry)
ลักษณะเป็นไม้พุ่ม ลำต้นตรง ใบเดี่ยว รูปไข่ เรียงสลับ ขอบใบเรียบหรือหยังฟู
ขึ้นอยู่กับพันธุ์ ผิวใบมีความสากคาย ฐานใบกลมหรือรูปหัวใจ
ออกดอกเป็นช่อหางกระรอกทรงกระบอก
จะออกดอกตรงซอกใบและดอกจะแยกเพศตัวผู้และดอกตัวเมียอยู่ต่างช่อแต่ร่วมต้นเดียวกัน
กลีบรวมสีขาวหม่นหรือสีขาวแกมเขียว ผลมัลเบอร์รี่เป็นผลรวม อวบน้ำ รูปทรงกระบอก
เมื่ออ่อนสีเขียว ผลแก่สุกมีสีแดงเข้ม หรือสีม่วงแดงเกือบดำ ลักษณะฉ่ำน้ำ
รสหวานอมเปรี้ยว
มัลเบอร์รี่มีชื่อเรียกตามภาษาท้องถิ่นไทยอยู่หลายชื่อ เช่น หม่อน
(ภาษาไทยกลาง) มอน (อีสาน) เป็นพืชอาหารตามธรรมชาติชนิดเดียวของหนอนไหมและเป็นหัวใจสำคัญของการประกอบอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม
ปริมาณผลผลิตและคุณภาพรังไหมจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับคุณภาพใบหม่อน
มัลเบอร์รี่หรือหม่อนเป็นพืชที่มีอายุยืนต้นยาวนาน 80-100 ปี
ถ้าไม่ได้รับกระทบกระเทือนจากการเก็บเกี่ยวหรือโรคและแมลงศัตรู
สามารถเจริญได้ดีตั้งแต่เขตอบอุ่นถึงเขตร้อน
สายพันธุ์มับเบอร์รี่ที่นิยมปลูก
มัลเบอร์รี่หรือหม่อนที่ปลูกเพื่อบริโภคผลสดหรือใช้ประโยชน์จากผลผลิตในประเทศไทยเวลานี้
มีทั้งสายพันธุ์พื้นบ้านดั้งเดิม พันธ์ที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนา
และสายพันธุ์ที่นำเข้ามาใหม่จากต่างประเทศซึ่งมีการตั้งชื่อทางการค้าแตกต่างกันไปอย่างหลากหลาย
เช่น พันธุ์บุรีรัมย์ 60 พันธุ์เชียงใหม่ พันธุ์ขาวอุดร พันธุ์หิมาลายัน-ม่วงกัลยา
เป็นต้น
แต่พันธุ์มัลเบอร์รี่ที่กำลังได้รับความนิยมและมีการส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูกอยู่ในเวลานี้
คือ พันธุ์เชียงใหม่
เนื่องจากเป็นพันธุ์เจริญเติบโตดีและให้ผลผลิตต่อไร่สูงเฉลี่ยประมาณ 1 ตัน
ต่อไร่ต่อปี
การขยายพันธุ์มัลเบอร์รี่
มัลเบอร์รี่สามารถทำการขยายพันธุ์ได้หลายวิธี
แต่ที่นิยมปฏิบัติกันในหมู่เกษตรกรและผู้ผลิตต้นพันธุ์มัลเบอร์รี่เพื่อจำหน่ายที่สุด
คือ วิธีปักชำกิ่งเนื่องจากเป็นวิธีที่ทำได้ง่าย สะดวก
และได้ต้นพันธุ์จำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น โดยสามารถทำได้ดังนี้
เลือกกิ่งมัลเบอร์รี่ที่ลักษณะดีสมบูรณ์มีอายุกิ่งไม่เกิน 1 ปี
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของกิ่งประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร
จากต้นแม่พันธุ์ที่สมบูรณ์แข็งแรงปราศจากโรคและแมลงศัตรูพืช
มาตัดเป็นท่อนด้วยกรรไกรตัดแต่งกิ่งหรือมีดคมๆขนาดความยาวท่อนละประมาณ 20
เซนติเมตร โดยให้มีตาที่จะแตกยอดอ่อนบนท่อนพันธุ์ประมาณ 4-5 ตา
ตัดส่วนบนของท่อนพันธุ์เหนือตาบนสุดขึ้นไป 1 เซนติเมตร โดยตัดให้ตรง
ส่วนด้านโคนของท่อนพันธุ์ตัดเฉียงประมาณ องศา เป็นรูปปากฉลาม
ให้แผลตัดต่ำกว่าข้อตาล่างสุดประมาณ
เซนติเมตร และให้ด้านเฉียงอยู่ตรงข้ามกับตาล่าสุด
เมื่อได้ท่อนพันธุ์แล้วก็นำไปปักชำในถุงดำเตรียมไว้ เพื่อให้แตกราก
เป็นต้นใหม่รอปลูกลงแปลงต่อไป
การจัดการดูแลรักษา
-การให้น้ำ มัลเบอร์รี่เป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำมากนัก
ช่วงการให้น้ำที่สำคัญมากมี ช่วง
คือระยะติดผลและช่วงฤดูแห้งแล้ง เท่านั้น
-การให้ปุ๋ย โดยทั่วไปผู้ปลูกมัลเบอร์รี่จะมีการให้ปุ๋ย ครั้งในรอบปี ครั้งที่ ต้นฤดูฝน ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
ร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ครั้งที่ 2 ต้นฤดูหนาว ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตร
13-13-21 และครั้งที่ 3 เพื่อเพิ่มความหวานใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 0-0-60
อัตราหรือปริมาณการใส่ปุ๋ยแต่ละครั้ง จะพิจารณาจากสภาพความอุดมสมบูรณ์ของดิน
และต้นพืชเป็นสำคัญ
-การตัดแต่งทรงพุ่ม ในต้นหม่อนหรือมัลเบอร์รี่ที่มีอายุมากขึ้น
เกษตรกรจะทำการตัดแต่งกิ่งเพื่อให้แตกกิ่งใหม่
โดยการตัดแต่งกิ่งใหม่นี้ปกติเกษตรกรจะทำกันในช่วงต้นฤดูฝน
เป็นการตัดกิ่งแก่ต้นมัลเบอร์รี่ที่มีลักษณะไม่ดีหรือมีการติดผลน้อยออกบางส่วน
เหลือไว้เฉพาะกิ่งที่สมบูรณ์ประมาณ 5 กิ่งต่อต้น เพื่อให้เจริญเติบโตแตกทรงพุ่ม
กิ่ง และยอดใหม่ สามารถให้ผลผลิตคุณภาพดีอย่างเต็มที่ต่อไป
-การจัดการโรคและแมลง เนื่องจากมัลเบอร์รี่เป็นไม้เนื้ออ่อน
โรคและแมลงศัตรูพืชสามารถเข้าทำลายได้แทบทุกส่วน ทั้งราก ลำต้น กิ่ง ใบ ดังนั้น
เกษตรกรต้องใส่ใจในการป้องกันและกำจัดโรคและศัตรูพืชอย่างสม่ำเสมอ
การให้ผลผลิต การเก็บเกี่ยวและจัดจำหน่าย
ปกติหม่อนหรือมัลเบอร์รี่จะให้ผลผลิตเก็บเกี่ยวได้ประมาณช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม
การเก็บเกี่ยวผลผลิตมัลเบอร์รี่เพื่อบริโภคผลสด จะเก็บผลแก่สีม่วงแดงหรือสีม่วงดำ
แต่ถ้าเก็บผลผลิตเพื่อการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมัลเบอร์รี่หรือแยม
ให้เก็บเกี่ยวผลมัลเบอร์รี่ในระยะสีแดงม่วงผสมกับสีม่วงดำ ถ้านำมาทำไวน์ควรเก็บผลมัลเบอร์รี่เวลานี้เรียกได้ว่ายังมีความต้องการสูง
ราคาจำหน่ายปัจจุบันประมาณ 100 บาทต่อ 1 กิโลกรัม
และแนวโน้มความต้องการของตลาดอนาคตก็ยังดีอย่างต่อเนื่อง
หากเก็บแล้วไม่แปรรูปทันทีหรือต้องการรักษาผลผลิตไว้ยาวนาน
ควรเก็บรักษาผลผลิตไว้ในห้องเย็นอุณหภูมิ 14 องศาเซลเซียส
ซึ่งจะสามารถเก็บผลผลิตให้คงคุณภาพอยู่ได้
ประโยชน์ทางการบริโภคและสรรพคุณทางยาของมัลเบอร์รี่
ประโยชน์ทางการบริโภค ผลมัลเบอร์รี่หรือลูกหม่อน
เมื่อนำมาประกอบเมนูอาหารสำหรับบริโภคหรือทำเป็นเครื่องดื่มผลไม้แล้วพบว่า
รสชาติดี มัลเบอร์รี่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุสำคัญๆมากมาย เช่น กรดโฟลิก
ซึ่งมีความจำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาทไขสันหลัง
และส่งผลต่อพัฒนาการการทางสมองของทารกแรกเกิดอีกด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น