ทุเรียนเทศ(Soursop, Prickly Custard Apple)ผลไม้พื้นเมืองถิ่นแดนใต้
ที่เวลานี้กลายเป็นพืชแปลกที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงระดับแนวหน้า ทุเรียนเทศ
แม้ว่าในอดีตบทบาทจะไม่ค่อยเด่นเท่าไหร่
และไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของผู้คนในภูมิภาคทั่วไป แต่ภายหลังเมื่อมีผลวิจัยทางการแพทย์และข้อมูลยืนยันจากเหล่านักวิชาการสุขภาพออกมารับรองอย่างชัดเจนว่า
ทุเรียนเทศเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณทางยา มีส่วนช่วยบำบัดและรักษาโรคร้ายแรง เช่น
มะเร็ง และโรคภัยที่เกิดกับร่างกายประเภทอื่นๆ ได้อย่างเห็นผลดี ทุเรียนเทศจึงเป็นที่จับตามองและได้รับความสนใจ
กระทั่งมีการส่งเสริมให้ปลูกเชิงพาณิชย์มากขึ้น
และมีแนวโน้มความต้องการบริโภคมากขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย
ทุเรียนเทศ หรือ ทุเรียนน้ำ
เป็นพืชชนิดหนึ่งที่จัดอยู่ในตระกูลเดียวกันกับน้อยหน่า กระดังงา นมแมว และจำปี
เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ลำต้น มีความสูงโดยเฉลี่ยประมาณ 5-6 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว
ค่อนข้างหนา เรียงสลับกันไปในระนาบเดียวกับกิ่ง รูปใบรีผิวใบอ่อนเป็นมัน
เมื่อฉีกหรือขยี้ใบจะได้กลิ่นเหม็นเขียวฉุนจัด ดอก
เป็นดอกเดี่ยวขนาดใหญ่ห้อยลงที่ซอกใบ อยู่รวมกัน 3-4 ดอก
กลีบเป็นรูปสามเหลี่ยมหนาแข็ง จำนวน 6 กลีบ เรียงเป็น 2 ชั้นๆ ละ 3 กลีบ
มีสีเหลืองแกมเขียว ออกดอกตลอดทั้งปี
มีกลิ่นหอมอมเปรี้ยวส่งกลิ่นหอมตั้งแต่ช่วงบ่าย ผล มีสีเขียวรูปกลมรี
มีหนามนิ่มที่เปลือกผล ผลมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10-20 เซนติเมตร ยาว 15-30
เซนติเมตร มีน้ำหนักประมาณ 0.5-3.0 กิโลกรัม ภายในมีเนื้อคล้ายน้อยหน่าหรือน้อยโหน่ง
เนื้อมีสีขาวรับประทานอร่อยมีรสเปรี้ยวปนหวานนิดๆ
แต่เนื้อจะไม่แยกแต่ละเมล็ดเป็นหนึ่งตาเหมือนน้อยหน่า ถ้าผลดิบมีรสเปรี้ยวมัน
และลักษณะรูปทรงผลจะดูคล้ายทุเรียน ทุเรียนเทศมีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกากลางแพร่กระจายพันธุ์สู่พื้นที่เขตร้อนทั่วโลก
โดยเป็นพืชที่ชอบอากาศที่มีความชื้นสูง
สำหรับในประเทศไทยพบว่ามีการเพาะปลูกเป็นพืชประจำถิ่นมานานและปลูกกันในภาคใต้
ทั้งปลูกเป็นไม้ประดับและปลูกเพื่อการบริโภคผลผลิต
แต่ปัจจุบันเริ่มมีการนำไปปลูกตามภาคอื่นๆ เนื่องจากมีข้อมูลจากการวิจัยออกมารับรองและยืนยันว่า
ทุเรียนเทศมีสรรพคุณทางยาสมุนไพร ช่วยป้องกันและรักษาโรคมะเร็งได้หลายชนิด
ทำให้ทุเรียนเทศเป็นที่รู้จักแพร่หลายมีมูลค่าทางการตลาด
ราคาซื้อขายผลผลิตค่อนข้างสูง
นอกจากนี้ผลผลิตทุเรียนเทศยังได้รับการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น น้ำทุเรียนเทศเข้มข้น
น้ำทุเรียนเทศบรรจุกล่องพร้อมดื่ม ไอศกรีมทุเรียนเทศ ชาใบทุเรียนเทศ เป็นต้น
เพื่อจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมทางเลือกในหมู่ผู้บริโภคที่รักสุขภาพ
การเพาะกล้าพันธุ์
โดยทั่วไปเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนเทศจะคัดเลือกเอาเมล็ดสีน้ำตาลดำ
มีเปลือกหุ้มเมล็ดแข็งจากผลทุเรียนเทศที่สุกแก่จัด มาทำการเพาะเป็นต้นกล้า
ขั้นตอนการเพาะ ให้นำเมล็ดทุเรียนเทศแช่ในน้ำประมาณ 1 วัน
จากนั้นนำเมล็ดพันธุ์ที่ผ่านการแช่น้ำแล้วลงเพาะในถุงดำที่กรอกดินผสมปุ๋ยอินทรีย์โดยฝังเมล็ดให้ลึกลงในดินประมาณ
1-2 เซนติเมตร ซึ่งเมล็ดจะงอกภายใน 5-7 วัน
จากนั้นดูแลรักษาจนต้นกล้ามีใบจริงหรือมีความแข็งแรงพอสมควรจึงย้ายปลูกในหลุมหรือแปลงปลูกในพื้นที่จริงต่อไป
การปลูกและการจัดการดูแลรักษาทุเรียนเทศ ทุเรียนเทศชอบดินร่วนปนทราย
มีความชุ่มชื้นและการระบายน้ำที่ดี มีแสงแดดรำไรหรือได้รับแดดอย่างน้อยครึ่งวัน
ระยะการปลูกที่เหมาะสมอยู่ที่ประมาณ 4*4 เมตร
หลังการย้ายปลูกลงในพื้นที่จริงจะเริ่มออกดอกและให้ผลผลิตเมื่อมีอายุต้นสมบูรณ์ประมาณปีที่
3-4
เมื่อต้นทุเรียนเทศมีการเจริญเติบโตทางลำต้นและกิ่งก้านสาขาเต็มที่สามารถทำการขยายพันธุ์ได้โดยการทาบกิ่ง
เสียบยอด และการตอนกิ่งได้เหมือนพืชผลทั่วไป
ในส่วนของการจัดการดูแลทุเรียนเทศพบว่า
เป็นพืชที่มีความทนทานและแข็งแรงในสายพันธุ์
เป็นลักษณะเด่นที่ดีอยู่แล้วอีกทั้งใบทุเรียนเทศก็มีกลิ่นฉุนจึงไม่ค่อยมีโรคและแมลงรบกวนนัก
การให้น้ำและปุ๋ย ต้นทุเรียนเทศมีความต้องการน้ำค่อนข้างมาก เกษตรการผู้เพาะปลูกจึงต้องมีการให้น้ำสม่ำเสมอ
ไม่ขาดแคลนสำหรับปุ๋ยที่จะใส่บำรุงเพิ่มธาตุอาหารพืชนิยมใช้ทั้งปุ๋ยอินทรีย์ คือ
ปุ๋ยคอก และปุ๋ยเคมีควบคู่กัน
การเก็บเกี่ยว จัดจำหน่าย และแปรรูป
ทุเรียนเทศมีอายุการให้ผลผลิตหลังปลูกประมาณ 3-4 ปี
ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ที่มีสถิติรวบรวมไว้อยู่ที่ประมาณ 1.5-2 ตัน ต่อไร่
ต่อปีผลผลิตทุเรียนเทศหรือทุเรียนน้ำที่แก่จัดเหมาะสมต่อการเก็บเกี่ยว คือ
ผลผลิตที่มีอายุประมาณ 3 เดือนหลังการออกดอกและติดผล
ส่วนราคาจำหน่ายผลผลิตสดโดยเฉลี่ยปัจจุบันอยู่ที่ 250-350 บาทต่อกิโลกรัม
สำหรับการแปรรูปผลผลิตทุเรียนเทศก็สามารถทำเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่นๆได้อีกหลายอย่าง
ไม่ว่าจะเป็น ไอศกรีมทุเรียนเทศ น้ำทุเรียนเทศเข้มข้น ที่นิยมคือชาใบทุเรียนเทศ
ที่ดื่มแล้วมีผลดีต่อสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกัน และป้องกันมะเร็งได้
การใช้ประโยชน์และรายละเอียดสรรพคุณของทุเรียนเทศ ผลผลิตทุเรียนเทศนิยมนำมาประกอบเป็นอาหารในประเทศไทยโดยทั่วไปนำผลแก่มารับประทานเนื้อสุก
ในภาคใต้นิยมนำผลอ่อนมาทำแกงส้มและเชื่อมในประเทศฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย
นิยมนำผลอ่อนที่เมล็ดยังไม่แข็งมารับประทานเป็นผัก ผลแก่นำมาทำขนมหวาน เช่น
นำเนื้อมาผสมในไอศกรีม เครื่องดื่มนมผสมผลไม้รวม เยลลี่ น้ำผลไม้ ในประเทศมาเลเซีย
มีการทำน้ำทุเรียนเทศอัดกระป๋อง ซึ่งได้รับความนิยมมาก
เนื่องจากผลทุเรียนเทศประกอบด้วย สารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ
น้ำตาลและกรดอินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกหลายชนิด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น